วันศุกร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2561

ความสัมพันธ์ระหว่างค่านิยมเกี่ยวกับงาน ความพึงพอใจในงาน และความผูกพันองค์การ

ความสัมพันธ์ระหว่างค่านิยมเกี่ยวกับงาน ความพึงพอใจในงาน และความผูกพันองค์การ

โดย ดร. อนุรักษ์ วัฒนะถาวรวงศ์ 


            Super (1973) ได้เสนอความสัมพันธ์ระหว่างค่านิยมเกี่ยวกับงาน บุคลิกลักษณะและความสนใจในอาชีพการงานเป็นลำดับขั้น และใช้อธิบายแรงจูงใจ โดยมีความต้องการเป็นศูนย์กลางของแรงจูงใจ ตามด้วยค่านิยมส่วนบุคคล บุคลิกลักษณะ และความสนใจในอาชีพการงาน ต่อมา Super (1970, p. 4) ได้เสนอว่าค่านิยมมีองค์ประกอบของเป้าหมายซึ่งบุคลากรปรารถนาบรรลุ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการนั้น ค่านิยมเกี่ยวกับงานที่เป็นเป้าหมายนี้มีลักษณะกลไกการทำงานเช่นเดียวกับแรงจูงใจ คือ ส่งผลให้บุคลากรเกิดความพึงพอใจในการทำงานเป็นผลของความต้องการในการทำงานที่ได้รับการตอบสนองหรือการบรรลุเป้าตามที่ต้องการในการทำงาน จึงเกิดเป็นความพึงพอใจในการทำงาน อันจะนำไปสู่พฤติกรรมของบุคลากรในการปฏิบัติงานให้บรรลุเป้าหมายขององค์การ ค่านิยมเกี่ยวกับงานก็ยังใช้เป็นปัจจัยที่มีความสำคัญในการกำหนดพฤติกรรมและการตัดสินใจของบุคลากร ค่านิยมเกี่ยวกับงานจึงใช้เป็นพื้นฐานของการประเมินสิ่งที่อยู่ในบริบทของการทำงาน เช่น ตำแหน่งหน้าที่การงานในสังคม วิธีการที่ใช้ในการทำงาน ความภูมิใจในการทำงาน นอกจากนั้น Katz & Kahn (1978, as cited in Dose, 1997) ได้ศึกษากรอบแนวคิดการจูงใจ พบว่า รูปแบบของการจูงใจว่ามีความสัมพันธ์กับการแสดงออกของค่านิยมและการระบุตนเองของบุคลากร ส่งผลทำให้บุคลากรนั้นได้รับความพึงพอใจ ค่านิยมเกี่ยวกับงานนี้เป็นสิ่งที่บุคลากรให้ความสำคัญในการทำงาน ดังนั้นค่านิยมเกี่ยวกับงานจึงใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในการทำงานส่งผลทำให้เกิดผลการปฏิบัติงานและความพึงพอใจในการทำงานขึ้น (Bartol, 1976, pp. 376-370) ค่านิยมเกี่ยวกับงานมีอิทธิพลโดยตรงกับพฤติกรรมที่แสดงออกในการทำงาน ถ้าค่านิยมเกี่ยวกับงานสอดคล้องกับค่านิยมของบุคลากรก็จะส่งเสริมให้แสดงพฤติกรรมในการทำงานที่ต้องการออกมา ในทางตรงกันข้าม หากค่านิยมเกี่ยวกับงานไม่สอดคล้องกับค่านิยมของบุคลากรก็จะทำให้บุคลากรนั้นมีความรู้สึกต่อต้าน ไม่แสดงพฤติกรรมนั้นออกมา เป็นผลให้ระดับความพึงพอใจในการทำงานต่ำ (Rokeach, 1973; Locke, 1976) ค่านิยมเกี่ยวกับงานจึงใช้ในการกำหนดพฤติกรรมของบุคลากรในการทำงานที่พึงประสงค์ขององค์การได้ นอกจากนั้น Zytowski (1994, p. 25) ได้เสนอว่าค่านิยมเกี่ยวกับงานว่าเป็นแนวคิดที่ทำให้ความต้องการทางจิตใจได้รับการสนองตอบทำให้เกิดความพึงพอใจ (Dose, 1997)
            ค่านิยมเกี่ยวกับงานจึงใช้เป็นปัจจัยเสริมแรงด้านบวกให้กับความพึงพอใจในการทำงานอีกด้วย ทฤษฎีปรับตัวเข้ากับงาน (Dawis & Lofquist, 1984, p. 217) เสนอว่าค่านิยมเกี่ยวกับงานสามารถใช้พยากรณ์ความพึงพอใจในงานของบุคลากรได้ (Dose, 1997) นอกจากนั้น ได้มีการศึกษาที่พบความสัมพันธ์ระหว่างค่านิยมเกี่ยวกับงานกับความพึงพอใจในงานอย่างมีนัยสำคัญ (Ronen, 1987; Kalleberg, 1977; Richards, Akroyd and O’Brien, 1993; Bruening and Hoover, 1991; Colgrove and Shinville, 1993; Burke, 2001; Joiner, 2001; Sagiv and Schwartz, 2000; Taris and Feij, 2001)

            ความผูกพันเป็นตัวแปรโครงสร้างโดยรวม เป็นการตอบสนองที่เป็นความรู้สึกชอบที่มีต่อองค์การในภาพรวม ขณะที่ความพึงพอใจในงานเป็นการสะท้อนถึงการตอบสนองของบุคลากรที่มีต่องานหรือลักษณะของงานที่ตนเองรับผิดชอบ ดังนั้น ความผูกพันจึงมุ่งเน้นความรู้สึกที่ผูกพันยึดติดอยู่กับองค์การที่ทำงานอยู่ ที่ครอบคลุมถึงเป้าหมายและค่านิยม (Hulin, 1991, p. 448) ขณะที่ความพึงพอใจมุ่งเน้นสภาพแวดล้อมของงานในลักษณะใดลักษณะหนึ่งที่บุคลากรนั้นปฏิบัติงานในหน้าที่รับผิดชอบอยู่ นอกจากนั้น ความผูกพันองค์การมีความเสถียรเมื่อเวลาผ่านไปมากกว่าความพึงพอใจในงาน เพราะความพึงพอใจในงานนั้นเกิดได้ในระหว่างปฏิบัติงาน ได้รับการตอบสนองทันทีกับลักษณะของงานที่จับต้องได้ เช่น ค่าตอบแทน หรือการบังคับบัญชา เป็นต้น (Smith et al., 1969) ขณะที่ความผูกพันองค์การนั้นมาจากทัศนคติที่ก่อตัวขึ้นมาอย่างช้า ๆ และคงที่ในระยะเวลาหนึ่ง จนเกิดเป็นความสัมพันธ์ระหว่างบุคลากรกับองค์การ (Porter, 1974, p. 604)
            การศึกษาที่เกี่ยวกับความผูกพันองค์การและความพึงพอใจในงานได้ระบุความสัมพันธ์ที่แตกต่างกัน ได้แก่ การศึกษาที่พบว่า ความพึงพอใจในงานเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความผูกพันองค์การ (Lincoln and Kalleberg, 1990; Mathieu and Zajac, 1990; Mowday, et al., 1982; Mueller, Boyer, Price and Iverson, 1994; Price and Mueller, 1986; Wallace, 1995; William and Hazer, 1986; Wong, Hui, Wong and Law, 2001) โดยเชื่อว่า บุคลากรจะให้ความสำคัญกับงานก่อน แล้วจึงให้ความสำคัญกับองค์การ Porter, et al. (1974, p. 604) พบว่า ความพึงพอใจในงานเป็นองค์ประกอบหนึ่งในความผูกพันองค์การ
            สำหรับการศึกษาที่พบว่า ความผูกพันองค์การเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความพึงพอใจในงาน (Bateman and Strasser, 1984; Vandenberg and Lance, 1992) เชื่อว่าความพึงพอใจในงานขึ้นอยู่กับระดับความผูกพันองค์การ และการศึกษาที่พบว่า มีความพึงพอใจในงานกับความผูกพันองค์การมีความสัมพันธ์ระหว่างกัน (Farkas and Tetrick, 1989; Lance, 1991; Mathieu, 1991; Mottaz, 1981) นอกจากนั้น ก็ได้มีการ ศึกษาที่ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างความพึงพอใจในงานและความผูกพันองค์การ (Currivan, 1999; Curry, Wakerfield, Price, Mueller and McCloskey, 1985; Dougherty, Bluedorn and Keon, 1985)

            Elizur and Koslowsky (2000) ได้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างค่านิยมเกี่ยวกับงานกับความผูกพันองค์การพบว่า ค่านิยมเกี่ยวกับงานมีความสัมพันธ์กับความผูกพันองค์การ Kidron (1978, pp. 293-247) ได้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างค่านิยมเกี่ยวกับงานกับความผูกพันองค์การพบว่า ค่านิยมเกี่ยวกับงานมีความสัมพันธ์กับความผูกพันองค์การอย่างมีนัยสำคัญ Meyer, Irving and Allen (1998, p. 33) ได้ศึกษาผลจากค่านิยมเกี่ยวกับงานและประสบการณ์ในการทำงานที่มีกับความผูกพันองค์การ พบว่า ค่านิยมเกี่ยวกับงานและประสบการณ์มีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกันในการทำนายความผูกพันองค์การ
            ค่านิยมเกี่ยวกับงานยังมีความสำคัญกับการสร้างความเข้าใจและการทำนายการตอบสนองด้านอารมณ์และผลการปฏิบัติงานของบุคลากรในสถานที่ทำงาน ค่านิยมเกี่ยวกับงานเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จขององค์การ โดยมีอิทธิพลโดยตรงต่อการปฏิบัติของบุคลากรในการทำงาน เพื่อสร้างความมั่นใจในความอยู่รอดขององค์การ (Meglino et al., 1991, pp. 481-195) บุคลากรที่มีค่านิยมเหมือนกันจะมีการแบ่งปันมุมมองที่เป็นกระบวนการทางความคิดร่วมกัน รูปแบบที่คล้ายกันของกระบวนการทางความคิดที่เกิดขึ้นนี้ ถูกสร้างเป็นความเชื่อที่ใช้ในการตีความ ระบบการสื่อสารของเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างการปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันของการทำงาน ส่งเสริมให้มีความร่วมมือร่วมใจในการทำงาน นำไปสู่ความพึงพอใจในการทำงานและความผูกพันกับองค์การ (Gursoy et al., 2008, pp. 448-458) ขณะที่ Harrington, Miles, Watkins, Williamson, and Grady (1996, pp. 163-167) ได้เสนอแบบจำลองค่านิยมร่วมที่มาจากค่านิยมส่วนบุคคลกับค่านิยมองค์การและได้นำไปสู่ความพึงพอใจในการทำงาน และยังได้พบอีกว่าค่านิยมเกี่ยวกับงานมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับความพึงพอใจในการทำงานและความผูกพันองค์การ
            กล่าวโดยสรุป ค่านิยมเกี่ยวกับงานมีความสำคัญในการกำหนดเป้าหมาย โดยสะท้อนสิ่งที่บุคลากรมีความต้องการและความคาดหวังจากการทำงานและสิ่งที่บุคลากรให้ความสำคัญในการทำงาน เมื่อได้รับการตอบสนอง จะนำไปสู่ความพึงพอใจในงาน ดังนั้น ในมุมมองขององค์การ การสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับค่านิยมเกี่ยวกับงานได้อย่างถูกต้อง จะทำให้องค์การสามารถนำมาพัฒนาให้เป็นกลยุทธ์ที่ใช้สร้างความพึงพอใจในงาน เพื่อตอบสนองต่อความต้องการและความคาดหวังจากการทำงานตามลำดับความสำคัญได้อย่างมีประสิทธิผล ในมุมมองของบุคลากร จะทำให้บุคลากรมีความพึงพอใจในการทำงาน เกิดเป็นความผูกพันองค์การ ทุ่มเทความพยายามในการปฏิบัติงานเพื่อบรรลุเป้าหมายขององค์การอย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล เกิดความภักดี และมีความตั้งใจอยู่กับองค์การต่อไป ในทางกลับกัน หากองค์การไม่มีความเข้าใจอย่างถูกต้อง หรือไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการและความคาดหวังได้ หรือละเลยถึงสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการทำงาน ก็จะส่งผลในทางตรงกันข้าม บุคลากรไม่มีความพึงพอใจในการทำงาน ไม่มีความผูกพันองค์การ ไม่ทุ่มเทความพยายามในการปฏิบัติงาน ประสิทธิภาพในการทำงานต่ำ ขาดงาน ไม่มีความภักดีต่อองค์การ และมีความตั้งใจที่จะลาออก จากเหตุผลดังกล่าว ค่านิยมเกี่ยวกับงานส่งผลทำให้เกิดความพึงพอใจในงานและนำไปสู่ความผูกพันองค์การ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Generational Differences in Work Values

I. Introduction to Generational Work Values   Definition and Importance Generational work values are the collective attitudes, beliefs, and ...